ว่ากันว่าคนโบราณนั้นนำข่อยมาขัดฟันแต่รู้หรือไม่ว่า ต้นกำเนิดของการขัดฟัน การดูแลช่องปาก ครั้งแรกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากการนำข่อยมาขัดฟัน โดยต้นกำเนินของการดูแลช่องปากครั้งแรกของโลกนั้นเชื่อกันว่ามาจากชาวอียิปต์ และชาวบาบิโลนเมื่อ 5,000 ปีก่อนที่จะถือกำเนินศริสตกาลเสียอีก นอกจากนี้แล้ว ยาสีฟัน ยังถูกคิดค้นขึ้นในสมัยนั้นอีกด้วย
แต่การคิดค้นในครั้งนี้นั้น ยาสีฟันถูกคิดค้น และพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องผ่านยุคสมัยต่างๆ มากมาย บาบิโลน อียิปต์ รวมถึง โรมัน จนมาถึงยุคปัจจุบัน ยาสีฟันนั้นได้ถูกพัฒนาจนส่งผลดี และผลเสียต่อสุขภาพภายในช่องปาก จนหลายคนนั้นมีอาการถึงแก่ชีวิต
และในวันนี้เราจะมาพาทุกคนไปรู้จักกับจุดกำเนิด จุดเริ่มต้นยาสีฟัน ผลดี ประโยชน์จากยาสีฟันที่ใครหลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้ว และผลเสียที่ทำให้ใครหลายคนอาจจะต้องจบชีวิตลง
อย่างที่เราได้เกริ่นไปแล้วนั้น ยาสีฟันได้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุคสมัยของอียิปต์โบราณ หรือกว่า 3,000 ปี ก่อนคริสตกาล ยาสีฟันสูตรแรกที่มีชาวอียิปต์โบราณเป็นผู้คิดค้นนั้น เป็นยาสีฟันที่มีส่วนผสมต่างๆ มากมาย มีทั้งมีสืบค้นหาข้อมูลได้แล้ว และบางส่วนที่ยังระบุไม่ได้ ได้แก่ พริกไทยป่น เกลือป่น ใบมิ้น และดอกไม้ต่างๆ ที่ยังหาข้อมูลไม่ได้ แต่เท่าที่ทราบกันดีวัตถุดิบหลักส่วนใหญ่นั้นมักจะมาจากการนำวัตถุดิบธรรมชาติในกลุ่มที่ให้กลิ่นมาประยุกต์ใช้ทั้งสิ้น ทั้งนี้นั้นจะไม่มีวัตถุดิบที่มาจากสัตว์
ต่อมาในยุคสมัยที่ชาวโรมันเป็นใหญ่ สูตรของยาสีฟันนั้น ได้ถูกปรับเปลี่ยนคิดค้นขึ้นมาใหม่โดยให้ถือว่าเป็นสูตรเฉพาะของชาวโรมัน ในครั้งนั้นชาวโรมันมีความเชื่อในเรื่องคุณสมบัติของแอมโมเนีย สะสารหลักที่อยู่ในปัสสาวะของมนุษย์นั้นเอง ทำให้ยาสีฟันในยุคสมัยของชาวโรมันนั้น ถูกคิดค้นให้มีส่วนผสมหลักของยาสีฟันคือปัสสาวะของมนุษย์ เหตุด้วยความเชื่อที่ว่า แอมโมเนียที่อยู่ในปัสสาวะ จะช่วยให้ฟันขาวสะอาดขึ้นนั้นเอง
หลังจากการคิดค้นยาสีฟันของชาวโรมันถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน เวลาล่วงเลยไปความคิดของมนุษย์เราก็สรรค์สร้างสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา ในศตวรรษที่ 19 อเมริกัน ก็เริ่มคิดค้นยาสีฟัน ต้นตำรับของตนเองขึ้นมาโดยใช้ขนมปังเผา ซึ่งไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก
ต่อมาศตวรรษที่ 19 ยาสีฟันได้ถูกจัดทำให้อยู่ในสภาพเป็นผง ก่อนที่จะถูกคิดค้นให้เป็นยาสีฟันบรรจุหลอดแบบหลอดบีบในปี ค.ศ.1896 โดยบริษัทคอลเกต ที่เรารู้จักกันนั้นเอง
หลังจากนั้นเทคโนโลยีก็เข้ามามีส่วนร่วมในการคิดค้น วิจัย และพัฒนาสูตรของยาสีฟันต่างๆ ให้ออกมาดียิ่งขึ้นอีกมากมายหลายสูตร โดยเฉพาะการพัฒนานำส่วนผสมใส่เข้าไปในสูตรยาสีฟัน ในบางสูตรนั้นนอกจากที่จะส่งผลดีแล้ว ยังสามารถย้อนกลับมาส่งผลเสียให้แก่สุขภาพเราได้มากกว่าผลดีอีกด้วย
เพราะในยาสีนั้นนั้น มีส่วนผสมของ แคลเซียมฟอสเฟต แคลเซียมคาโบเนท แคลเซียมซิลิกา และอลูมินา ฟลูออไรด์ ส่วนผสมที่กล่าวมาเหล่านี้นั้นเป็นส่วนผสมที่ถูกใช้เพื่อช่วยในการยับยั้ง และป้องกันฟันผุได้เป็นอย่างดี เพราะสารเหล่านี้นั้น มีส่วนต่อต้านกรดที่เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์นั้นเอง
นอกจากนี้แล้วใน ยาสีฟัน จะมีสารที่ทำให้เกิดฟองเป็นจำนวนมาก ฟองเหล่านั้นเองเป็นตัวกระตุ้นให้คราบฟันต่างๆ หลุดออกมาได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ฟันเราดูขาวกระจ่างใส ทั้งนี้ในตัวยาสีฟันหลายๆ ชนิดนั้นมักจะมีสารที่เข้าไปช่วยให้เหงือกของเรานั้นแห้งอีกด้วย
“แต่มีใครรู้หรือไม่ว่า ยังมีสารที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง คอยส่งผลเสียให้กับสุขภาพของเราอยู่”
รู้หรือไม่ว่าทำไมเราต้องดูแลช่องปาก และฟันของเราเป็นพิเศษ เหตุเพราะว่า หากเราทำการศึกษากายวิภาคของมนุษย์แล้ว เส้นประสาทของฟันนั้นเป็นเส้นส่งตรงเข้าสู่สมอง และนี้คือสิ่งที่เราควรให้ความสนใจกันเป็นอย่างดี
ในยาสีฟันบางยี่ห้อที่มีการโฆษณาถึงความขาวกระจ่างใสของฟันหลังจากที่เลือกใช้ยาสีฟันยี่ห้อนั้นๆ ไปแล้ว ซึ่งถ้าหากเราเลือกนำมาใช้ เราอาจจะรู้สึกได้ถึงความขาวใส่ได้อย่างรวดเร็วหลังจากการใช้เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ซึ่งนั้นอาจทำให้ใครหลายๆ คนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่เดี๋ยวก่อน ตัวสารที่อยู่ในส่วนผสมของ เอ็กซ์ตราไวเทนนิ่งนั้น มีสารที่จะเข้าไปขัดฟัน หรือกัดกร่อนผิวของฟันมากเกินไป เมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน ฟันของเราจะไม่แข็งแรง และแตกหักง่ายนั้นเอง
นอกจากนี้ในยาสีฟัน ยังมีส่วนผสมของ ไตรโคซาน และโซเดียม ลอริล ซัลเฟต อีกด้วย สองส่วนประกอบแฝงนี้ เป็นสะสารที่มีอยู่ในสินค้าอื่นๆ เช่น ยาสีฟัน หรือ ผงซักฟอง ซึ่งสารเหล่านี้นั้นสามารถส่งผลให้กระจายของเซลล์มะเร็งที่อาจเกิดขึ้นในร่างกายของเรานั้นรุกรามได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งสารเหล่านี้เข้าไปมีผลโดยตรงกับฮอร์โมนหลักของเราทำให้เราดื้อยาได้ในอนาค
อ่านข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บ บาคาร่า